[title]
เราเพิ่งเคยพูดว่าอาหารนอร์ดิกยังไม่ค่อยมีให้ชิมในกรุงเทพฯ ไปเมื่อไม่นานนี้เอง และต่อมาไม่นานวงการอาหารก็ได้ต้อนรับร้านอาหารนอร์ดิกแห่งใหม่ทันที นั่นคือ Villa Frantzén (วิลล่า ฟรันต์เซน) จากเครือร้านอาหาร Frantzén ประเทศสวีเดน ที่นำโดย เชฟบยอร์น ฟรันต์เซน (Björn Frantzén) เจ้าของร้านอาหาร 3 ดาวมิชลินในประเทศบ้านเกิด และร้านอีก 5 แห่งทั่วโลก โดยหนึ่งในนั้นก็มี Zen ร้านอาหารดังในประเทศสิงคโปร์รวมอยู่ด้วย
สำหรับร้าน Villa Frantzén ที่เปิดอยู่ในซอยเย็นอากาศ เชฟบยอร์นบอกว่า “มันเป็นร้านอาหารที่มีความนอร์ดิกมากที่สุดในเครือ Frantzén เลย” ทว่ามาในคอนเซ็ปต์และบรรยากาศที่เป็นกันเองมากกว่าร้านอาหาร Frantzén ของเขาที่ครองดาวมิชลิน 3 ดวง ซึ่งเราเองก็ชอบที่เข้าไปแล้วจะเห็นต้นไม้และสวนสีเขียวดูร่มรื่นก่อน แล้วหลังจากนั้นค่อยเลือกว่าหากมีเวลาจะเดินไปนั่งจิบค็อกเทลในบาร์ หรือจะเดินไปนั่งรับประทานอาหารในบ้านหลังสีขาวดี
ด้านในร้านอาหารจะตกแต่งด้วยไม้เป็นหลัก มีที่นั่งให้เลือกทั้งโซนกลาสเฮาส์ หรือด้านในที่มองเห็นครัวเปิดได้ตลอดมื้อ อันนี้ทุกคนสามารถเลือกได้ตามใจชอบเลย เพราะส่วนตัวเราชอบทั้งสองแบบ โดยพื้นที่ด้านล่างอีกครึ่งหนึ่งจะเป็นครัวเปิดที่นำทีมโดย เฮดเชฟมาร์ติน เอนสตรอม (Martin Enström) และรองเชฟที่เป็นทีมเชฟรุ่นใหม่ไฟแรง เราคุยกับเชฟมาร์ตินเรื่องอาหารของที่นี่ด้วย และเชฟก็ยืนยันว่า “เราจะทำรสชาติให้มีความเป็นนอร์ดิกมากที่สุด เพราะมันคือสิ่งที่เราต้องการให้ทุกคนลิ้มลอง ซึ่งผมเชื่อว่าจะถูกปากทุกคน”
อาหารที่เสิร์ฟจะมี 5 คอร์ส ในแต่ละคอร์สจะมีตัวเลือกให้ 3 เมนู ยังไม่รวมเมนูพิเศษที่สั่งเพิ่มได้ คือ Oyster (250 บาท) หอยนางรมและสโมกครีมที่ตัดด้วยรสเปรี้ยวจาก finger lime และอีกเมนูที่แนะนำมากๆ Villa Frantzén caviar (1,950 บาท) เชฟเสิร์ฟวาฟเฟิลมะพร้าวให้กินคู่กับซาวครีม บราวน์บัตเทอร์ มะนาว และคาเวียร์ทั้งตลับที่กินให้หมดพร้อมกันได้เลย
เราว่าการเลือกอาหารแต่ละคอร์สเองค่อนข้างต้องใช้เทคนิค เพราะไม่ควรเลือกรสชาติคล้ายๆ กันมาต่อกัน อย่างเช่นคอร์สแรกเราชอบที่สุดคือ Cold poached lobster กิมแล้วสดชื่นดี เหมาะเป็นจานต่อจากของกินเล่นที่มีครีม หลังจากนั้นตามด้วยคอร์ส 2 ที่แต่ละจานมีรสชาติใกล้เคียงกัน แต่เราชอบกินอาหารที่มีอโรมาติกเลยขอเชียร์เมนู Jerusalem artichokes
ก่อนเข้าสู่เมนคอร์ส ถ้าใครอยากตัดเลี่ยนด้วยวาซาบิจะมีเมนู White asparagus ให้สั่ง แต่หากใครไม่ใช่ทีมวาซาบิแบบเรา ต้องลอง Baked turbot ที่มีส่วนผสมของแอสพารากัสเช่นกัน แต่จะหอมสมุนไพรกว่ามาก
เมื่อถึงเมนคอร์ส ทุกคนจะได้เลือกมีดจากสวีเดนเพื่อใช้รับประทานกับเนื้อสัตว์ที่ให้เลือกระหว่าง เป็ดและฟัวกราส์, แก้มวัวตุ๋น หรือ ไก่นุ่มๆ ซึ่งแต่ละจานปรุงมาอย่างลงตัวดีเลย โดยเฉพาะแก้มวัวที่เราชอบเป็นพิเศษ
ปิดท้ายด้วยของหวานที่มีให้ 4 ตัวเลือก แต่หากเป็นเมนูที่ห้ามพลาดเลยก็คือ Smoked ice cream เป็นช็อกโกแลตโดมที่จะราดด้วยช็อกโกแลตอุ่นๆ ให้ละลาย หรือ Szechuan pepper ice cream ไอศกรีมพริกเสฉวนที่มาพร้อมสตรอว์เบอร์รี่และเมอร์แรงพริก
ทุกคนสามารถสั่งค็อกเทลมาดื่มคู่ไประหว่างมื้อได้ หรือจะลองไวน์แพร์ริ่ง (2,200 บาท) หรือแพร์ริ่งแบบ Non alcoholic (1,500 บาท) ก็เป็นอีกไฮไลต์เช่นกัน เพราะร้านทำเครื่องดื่มทั้งหมดเอง
Villa Frantzén เปิดให้บริการทุกวัน 17:30 - 23:30 น. สอบถามหรือสำรองที่นั่งได้ที่
reservations@villafrantzen.com หรือ https://villafrantzen.com/